วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เรื่องเล่าจากค่ายพัฒนาจิต



ทุกๆปี ทางโรงเรียนจะจัดให้มีการเข้าค่ายพัฒนาจิต สำหรับนักเรียนชั้นป.5 ที่เตรียมตัวจะเลื่อนชั้นเป็นพี่ป.6 เป็นเวลา 4 วัน 3 คืน และในปีนี้ก็เช่นเดียวกัน
เวลา 7.30 น. พี่ป.6 ในอนาคตจำนวน 30 คน พร้อมกับคณะผู้ปกครองได้มารวมตัวกันที่วัดหนองหญ้าปล้อง หรือรู้จักกันดีในชื่อวัดป่าทะเมนชัย ตั้งอยู่ที่ ต. ทะเมนชัย อ.ลำปลายมาศ จ. บุรีรัมย์ ที่วัดแห่งนี้มีพระสงฆ์เพียงหนึ่งรูปคือหลวงพ่อบุญตา
ตอน : รับศีล 8
เมื่อเด็กๆทุกคนมาพร้อมกันแล้ว คณะครูก็ได้พาเด็กๆแยกย้ายเก็บสัมภาระและช่วยกันทำความสะอาดที่พักของตนเอง โดยแยกเป็นเรือนพัก ชาย – หญิง คณะครูและเด็กๆก็มาทานอาหารเช้าพร้อมกัน หลังจากนั้นก็ถึงเวลารับศีล 8 จากหลวงพ่อบุญตา ซึ่งการถือศีล 8 นั้นทุกคนจะต้องทานอาหาร 2 มื้อ และดื่มน้ำปานะในตอนเย็นเท่านั้น แล้วหลวงพ่อได้อธิบายถึงวิธีการปฏิบัติและรักษาศีลแก่เด็กๆทุกคน
หลวงพ่อ “ เอ้า ไผบอกได้ว่าการเว้าคำหยาบ เว้าคำบ่ดี เป็นจั๋งได๋แน ? ”
พี่ปาล์ม เด็กผู้ชายขาลุย พูดเก่ง และมีสัญลักษณ์พระจันทร์เสี้ยวที่ศีรษะ ได้ยกมือขึ้น แล้วตอบว่า “ หลวงพ่อครับ ขอโทษนะครับ ยกตัวอย่างเช่นคำว่า บักห่านี่ ” หลวงพ่อ คณะครูและเพื่อนๆต่างก็พากันหัวเราะร่วนกับคำตอบของพี่ปาล์ม
หลวงพ่อ “ เธออยู่บ้านได๋ ”
พี่ปาล์ม “ บ้านกวางงอยครับ ”
หลวงพ่อ “ อืม ”
( ลืมบอกค่ะว่า หากใครศีลขาด จะต้องมานั่งสมาธิต่อศีลเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง )

ตอน : มันไปเองครับ
เด็กๆห้องนี้เป็นเด็กที่ชอบกิจกรรมร้องเล่น เต้นรำเป็นที่สุดค่ะ มีทั้งนักร้อง นักดนตรี อย่างเช่นนักดนตรีก็ได้แก่ พี่เอิร์ธ กลองชุด พี่เก่ง กีต้าร์ พี่เจมส์ คีย์บอร์ด นักดนตรีไทยก็มีค่ะ เช่น พี่ลาร์ค กรับ พี่อั๋น ฉิ่ง
พี่ปาล์ม พี่โจ๊กเกอร์ ตะโพน พี่ช้าง ซอด้วง พี่จ๋อม ซออู้ พี่แนน พี่ออม พี่รัก นักร้อง ถ้าเป็นนักเต้นหล่ะก็ หมดทั้งห้องเลยค่ะ
เช้าของวันที่ 2 คณะครูได้พาเด็กๆ เดินจงกลมรอบๆเจดีย์พระธาตุ เด็กๆทุกคนน่ารักมาก เดินจงกลมด้วยอาการสำรวม ค่อยๆ กำหนดจิตทุกย่างก้าว พุท… โธ… และแล้วก็ได้ยินเสียงดนตรีดุริยางค์ของโรงเรียนที่อยู่ข้างวัดดังขึ้น ดังขึ้นเรื่อยๆ จังหวะของเสียงดนตรีนี้ช่างสนุกและเร้าใจอีกต่างหาก ลองคิดดูนะคะว่าอีกฝากหนึ่งคือกลุ่มคนที่ซ้อมเพลงวงดนตรีดุริยางค์กันอย่างสนุกสนาน และอีกฟากหนึ่งกำลังเดินจงกลมกำกับสติ อยู่ในภาวะที่สงบนิ่ง
สักพักก็ได้ยินเสียงพูดขึ้นว่า พี่เจมส์ “ ครูณีครับ ขามันไปเองครับ ”
ครูณี “ พี่เจมส์ครับ เราต้องอดทนนะคะ และต้องรู้ว่าตอนนี้เรากำลังทำอะไรอยู่”
พี่เอิร์ธ “ ครูครับผมก็ไปเหมือนกัน มือมันไปเองครับ”
พี่ตะ “ ครูณีครับ พี่โอเค้าเต้นไปแล้วครับ”
แต่ที่แน่ๆ วันนี้ครูณีบอกได้เลยค่ะว่า มีเด็กๆมานั่งสมาธิต่อศีลกันเพียบเลยเชียวค่ะ

ตอน : เทียนไม่ดับ ทำไงดี
เวลา 18.00 น. เด็กๆ และคณะครูก็จะมาร่วมกันสวดมนต์ทำวัตรเย็นกับหลวงพ่อและคุณตา คุณยายทั้งหลายที่มาวัดในตอนเย็น หลังจากนั้นหลวงพ่อก็ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของวัด ว่าแต่ก่อนนั้นเป็นป่าช้ามาก่อน และที่วัดก็ยังมีเตาเผาศพสมัยก่อนและก็เคยใช้งานมาแล้วด้วยนะ
พี่ฟร้อง “ หลวงพ่อครับ ทำยังไงเราจะไม่กลัวความมืดครับ ”
หลวงพ่อ “ เราต้องมีสติ ”
พี่ปาล์ม “ หลวงพ่อ เคยเห็นผีไหมครับ”
หลวงพ่อ “ ผี มันเป็นตัวยังไงเหรอ ทำไมถึงกลัวมัน ถ้ากลัวก็แผ่เมตตาให้เค้าสิ” เมื่อเด็กสนทนากับหลวงพ่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ครูณี “ เด็กๆค่ะ งั้นวันนี้ เดี๋ยวเราจะมาฝึกสมาธิ เพื่อขจัดความกลัว โดยการนั่งสมาธิเดี่ยวกับเทียนเพียงเล่มเดียวค่ะ ” ลองจินตนาการคิดถึงสีหน้าของเด็กๆเมื่อได้ยินคำพูดของคุณครูเมื่อกี้นะคะ
จากนั้นคณะครูก็ได้นำเด็กๆทุกคนแยกย้ายไปนั่งสมาธิเดี่ยว ระยะห่างของแต่ละคนก็ไกลน่าดูเลยเชียวค่ะ
บางคนก็ได้นั่งหน้าฮวงซุ้ย บางคนก็นั่งหน้าเตาเผาศพ ตามทางเดินบ้าง ตามกำแพงวัดบ้างตามดุลยพินิจของคุณครูค่ะ
เด็กๆจะนั่งสมาธิอยู่กับตนเองอย่างนี้จนกว่าเทียนที่ครูให้หนึ่งเล่มนั้นจะดับหมด ขณะที่เด็กๆกำลังตั้งใจฝึกสมาธิกันอย่างสงบนั้น คุณครูก็จะเดินดูเด็กๆแต่ละคนไปเรื่อยๆอย่างเงียบและเบาที่สุด ช่วงเวลานี้เราก็จะเห็นแสงเทียนที่เปล่งประกายเป็นไฟดวงน้อยกระจายไปทั่วทุกจุดของวัด พร้อมกับความสงบนิ่งของเด็กๆทุกคน ขอบอกว่านิ่งจริงๆนะคะ หลับตาสนิท ไม่กระดุกกระดิกเลย สงสัยเข้าถึงสมาธิอย่างถ่องแท้แน่ๆเลย
หากเด็กๆคนไหนเทียนดับหมดแล้ว คุณครูก็จะเดินไปรับทีละคนๆ และแล้วผู้ที่เทียนดับคนแรกก็ได้แก่
พี่นุ เด็กชายที่พูดน้อยมาก ก็เอ่ยขึ้น “ ครูณีครับ เทียบผมดับหมดแล้วครับ ”
ครูณี “ พี่นุ ลุกขึ้น แล้วเดินตามครูณีมาค่ะ” คุณครูและพี่นุก็เดินมาตามทางผ่านเด็กนักเรียนที่เทียนยังไม่ดับมาสัก 3 คน และก็ผ่านพี่ช้าง ซึ่งพี่ช้างเป็นคนแรกที่ครูให้นั่งสมาธิก่อนใครเลยนะคะ
พี่ช้าง “ นุ นุ เฮ็ดจั๋งได๋ เทียนดับไวแถ้ ”
พี่นุ “ ตั้งเอียง ๆ”
“ อะ แฮ่ม” เสียงกระแอมของคุณครู ทำให้พี่นุเดินตามหลังคุณครูอย่างเงียบๆ ส่วนพี่ช้างก็นั่งสมาธิอย่างสงบต่อไป จนกว่าเทียนจะดับ
.


.

1 ความคิดเห็น:

  1. พี่นุ ช่างฉลาดลุ่มลึกเสียจริงๆ นะครับครูณี
    ขอบคุณกับเรื่องราวที่ทำให้ขำๆ ครับ..

    ตอบลบ